เมา

Red Bobblehead Bunny
ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของ ธนาคาร คงไฝ

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เรามาทำความรู้จักกันก่อนนะครับว่า ฟุตบอลคืออะไร??

ฟุตบอล หรือ ซอกเกอร์ เป็นกีฬาประเภททีมที่เล่นระหว่างสองทีมโดยแต่ละทีมมีผู้เล่น11คน โดยใช้ลูกบอล เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก
โดยจะเล่นในสนามหญ้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือ สนามหญ้าเทียม โดยมีประตูอยู่กึ่งกลางที่ปลายสนามทั้งสองฝั่ง เป้าหมายคือทำคะแนนโดยพาลูกฟุตบอลให้เข้าไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม ในการเล่นทั่วไปผู้รักษาประตูจะเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้มือหรือแขนกับลูกฟุตบอลได้ ส่วนผู้เล่นอื่นๆจะใช้เท้าในการเตะลูกฟุตบอลไปยังตำแหน่งที่ต้องการ บางครั้งอาจใช้ลำตัว หรือ ศีรษะ เพื่อสกัดลูกฟุตบอลที่ลอยอยู่กลางอากาศ โดยทีมที่พาลูกฟุตบอลเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ถ้าคะแนนเท่ากันให้ถือว่าเสมอ แต่ในบางเกมที่เสมอกันในช่วงเวลาปกติแล้วต้องการหาผู้ชนะจึงต้องมีการต่อเวลาพิเศษ และ/หรือยิงลูกโทษขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของรายการแข่งขันนั้นๆ
โดยกฎกติกาการเล่นสมัยใหม่จะถูกรวบรวมขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ในปีพ.ศ. 2406 ได้กำเนิดLaws of the Gameเพื่อเป็นแนวทางกติกาการเล่นในปัจจุบัน ฟุตบอลในระดับนานาชาติจะถูกวางระเบียบโดยฟีฟ่า ซึ่งรายการแข่งขันที่มีเกียรติสูงสุดในระดับนานาชาติคือการแข่งขันฟุตบอลโลกซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี


วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558


เนย์มาร์ ดา ซิลวา ซังตุส ฌูนีโอร์ (โปรตุเกส: Neymar da Silva Santos Júnior; เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992) หรือรู้จักกันในชื่อ เนย์มาร์ เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นอยู่กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและฟุตบอลทีมชาติบราซิลในตำแหน่งกองหน้า
ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ในการแข่งขันรอบแรกนัดสุดท้าย เนย์มาร์เป็นผู้ยิงประตูแรกให้แก่บราซิล ที่พบกับแคเมอรูนในนาทีที่ 17 ซึ่งประตูนี้นับเป็นประตูที่ 100 ของทีมชาติบราซิล และนับเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกนัดที่ 100 ของบราซิลอีกด้วย[2]
แต่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่บราซิลพบกับโคลอมเบีย แม้บราซิลจะเป็นฝ่ายชนะไป 2-1 แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังถึงขั้นร้าวเมื่อปะทะกับฮวน กามีโล ซูญีกา กองหลังของโคลอมเบียที่กระโดดเข้าใส่ที่หลัง ทำให้ต้องหยุดเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ ซึ่งในรอบต่อมาบราซิลก็เป็นฝ่ายแพ้ต่อเยอรมนีไปถึง 1-7 ประตู ทำให้หมดสิทธิที่จะผ่
านเข้าไปชิงชนะเลิศ
เมซุท เออซิล (เยอรมัน: Mesut Özil) เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1988 ที่เมืองเกลเซนเคียร์เชิน เป็นนักฟุตบอลชาวเยอรมันเชื้อสายตุรกี[2] โดยเป็นที่รู้จักกันดีจากการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้

เออซิลเล่นให้กับแวร์เดอร์เบรเมินและทีมชาติเยอรมนี ต่อมาได้ย้ายไปเรอัลมาดริด และได้ย้ายมาอาร์เซนอลด้วยค่าตัวราว 42.5 ล้านปอนด์ในไม่กี่ชั่วโมงก่อนปิดการซื้อขายตัวนักฟุตบอล ในช่วงต้นฤดูกาล 2013–14 เออซิลเป็นผู้เล่นตัวทำเกมที่มากความสามารถ โดยยิงประตูให้เรอัลมาดริดถึง 74 ลูก ในปี 2010–13

โดยการย้ายมาอาร์เซนอลครั้งนี้ นับเป็นการทำสถิติการซื้อตัวนักฟุตบอลที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของอาร์เซนอล

ในฤดูกาล 2014–15 เออซิลถูกวิจารณ์ว่าการเล่นตกลงไป ไม่โดดเด่นเหมือนฤดูกาลที่แล้ว ในต้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 ขณะที่เดินทางกลับไปเยอรมนี เออซิลได้ถูกตรวจพบว่าได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ต้องพักรักษาเป็นเวลาราว 3 เดือน[4] ก่อนที่จะเริ่มกลับมาซ้อมและกลับมาลงเล่นอีกครั้งได้ในต้นปี ค.ศ. 2015[5] ในฐานะตัวสำรอง ที่เปลี่ยนตัวลงไปในนาทีที่ 73 แทนที่ออลีวีเย ฌีรู ที่ถูกเปลี่ยนออก ในนัดที่อาร์เซนอลพบกับสโตกซิตี ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม ผลการแข่งขันอาร์เซนอลชนะไป 3-0[6] เออซิลถูกส่งลงแข่งขันเป็นตัวจริงนัดแรกหลังจากหายบาดเจ็บกลับมา ในรายการเอฟเอคัพรอบสี่ ที่อาร์เซนอลบุกไปเอาชนะไบรตัน & โฮปอัลเบียน ไปได้ 3-2 โดยเป็นผู้ยิงประตูที่ 2 ได้ในนาทีที่ 24 ด้วย[7] และยิงเป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกหลังจากหายอาการบาดเจ็บกลับมา ในนัดที่ 23 ของฤดูกาล ที่อาร์เซนอลเป็นฝ่ายเอาชนะแอสตันวิลลา ไปได้ถึง 5-0 ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม โดยเออซิลยิงได้ในนาทีที่ 56 นับเป็นประตูที่ 2 ของการแข่งขันนัดนี้[8]

และต่อมาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) ประจำเดือนเมษายน ค.ศ. 2015
ตีโบ นีกอลา มาร์ก กูร์ตัว (ฝรั่งเศส: Thibaut Nicolas Marc Courtois) เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1992 เป็นนักฟุตบอลชาวเบลเยียม เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ปัจจุบันลงเล่นให้กับเชลซีในพรีเมียร์ลีก และทีมชาติเบลเยี่ยม

กูร์ตัว เกิดในครอบครัวนักกีฬา โดยมีพี่สาวเป็นนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเบลเยียม คือ วาเลรีย์ กูตัวร์ ในวัยเด็กกูร์ตัวเริ่มเล่นกีฬาครั้งแรกก็คือวอลเลย์บอล ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นผู้รักษาประตูฟุตบอล เมื่ออายุได้ 11 ขวบ[3]และด้วยความที่รูปร่างสูงใหญ่ถึง 199 เซนติเมตร ทำให้ในฤดูกาล 2014–15 นั้น โชเซ มูรีนโย ผู้จัดการเชลซีเลือกที่จะให้กูตัวร์เป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของสโมสร แทนที่เปเตอร์ เช็ค ที่ซึ่งแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก และเล่นให้กับสโมสรมาอย่างยาวนาน 11 ปี ต้องตกไปเป็นตัวสำรอง และทำให้เมื่อจบฤดูกาล เช็คต้องขอย้ายไปอาร์เซนอล[4]

ในนัดเปิดฤดูกาล 2015–16 ที่เชลซีพบกับ สวอนซีซิตี ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ กูร์ตัวถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 52 จากการที่เข้าไปสกัดบาเฟติมบี โกมิส ผู้เล่นของสวอนซีซิตีที่หลุดเข้าไปที่หน้าประตูในกรอบเขตโทษล้มลง เป็นผลให้โดนไล่ออก และเชลซีเป็นฝ่ายเสียลูกจุดโทษ ซึ่งทำให้ผลการแข่งขันทั้งคู่เสมอกันไป 2-2 ประตู

มารีโอ บาร์วูอา บาโลเตลลี (อิตาลี: Mario Barwuah Balotelli, เสียงอ่านภาษาอิตาลี: [ˈmaːrjo baloˈtɛlli])[3] นักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลี เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวรุกให้กับเอ.ซี. มิลาน [4] โดยยืมตัวมาจากลิเวอร์พูล[5][6] และทีมชาติอิตาลี ทั้งนี้บาโลเตลลีเป็นนักฟุตบอลที่เป็นที่รับรู้กันดีว่า มีพฤติกรรมส่วนตัวที่แย่กับหลายสโมสร[7]
บาโลเตลลี เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1990 เป็นชาวอิตาลีเชื้อสายกานา ครอบครัวมีฐานะยากจนมาก แถมมีปัญหาสุขภาพตั้งแต่เด็ก ทำให้พ่อและแม่ต้องตัดสินใจส่งให้กับผู้ที่มีฐานะร่ำรวยกว่าดูแลเมื่ออายุ 3 ขวบ [7]
บาโลเตลลีเริ่มอาชีพในฐานะนักฟุตบอลอาชีพกับลูเมซซาเน และได้เล่นในทีมชุดใหญ่เพียง 2 ครั้ง เคยทดสอบฝีเท้ากับบาร์เซโลนา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นได้ร่วมกับอินเตอร์มิลาน ในปี ค.ศ. 2007 โรแบร์โต มันชีนี ผู้จัดการทีมนำบาโลเตลลีเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ แต่เมื่อมันชีนีออกจากทีมไป วินัยของบาโลเตลลีก็แย่ลง บาโลเตลลีไม่ลงรอยกับโชเซ มูรีนโย ผู้ช่วยผู้จัดการทีม และในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 ก็ถูกพักออกไปจากทีมชุดใหญ่หลังมีปัญหาด้านวินัย ปัญหาเริ่มมากขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 เมื่อถูกวิจารณ์อย่างหนักจากแฟน ๆ อินเตอร์มิลาน เมื่อบาโลเตลลีออกรายการโทรทัศน์อิตาลีที่ชื่อ Striscia la Notizia โดยสวมเสื้อเอ.ซี. มิลาน สถานการณ์ในทีมของบาโลเตลลียังแย่ลงเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังได้ลงสนามเป็นครั้งคราว และสถานการณ์ก็มาเลวร้ายสุด ๆ เมื่อบาโลเตลลีโยนชุดอินเตอร์มิลานลงบนพื้น หลังจากถูกแฟนสโมสรโห่ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในรอบรองชนะเลิศที่เสมอกับบาร์เซโลนา
เมื่ออนาคตกับอินเตอร์มิลานไม่แน่นอน บาโลเตลลีก็ได้รับการติดต่อจากมันชีนี อดีตผู้จัดการของอินเตอร์มิลานให้ย้ายไปร่วมกับแมนเชสเตอร์ซิตีในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ที่นั่นบาโลเตลลีได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าในช่วงปลายฤดูกาลมันชีนีก็ระบุว่า มาโลเตลลีเป็นนักฟุตบอลที่ไม่อาจจะควบคุมได้ และสั่งระงับการลงเล่นของบาโลเตลลีในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่พบกับเรอัลมาดริด ถึงขนาดมีข่าวลือว่าทั้งคู่เกือบจะชกต่อยกันในสนามฝึกซ้อม แต่มันชีนีก็ได้ปฏิเสธ[8] ต่อมาบาโลเตลลีได้ย้ายเล่นที่เอ.ซี. มิลาน ในอิตาลี ประเทศของตนเองอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ต้นฤดูกาล 2014-15 เมื่อลิเวอร์พูลได้ขอซื้อตัวบาโลเตลลีกลับไปยังพรีเมียร์ลีกอีกครั้งด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ สัญญา 3 ปี[9] ทั้งที่สโมสรที่มีข่าวกับบาโลเตลลีมาอย่างต่อเนื่อง คือ อาร์เซนอล[
ชื่อผู้เล่น : เคลาดิโอ บราโว (Claudio Andrés Bravo Muñoz)
หมายเลข : 1
ตำแหน่ง : ผู้รักษาประตู
ข้อมูล เคลาดิโอ บราโว หมายเลข 1 รายชื่อนักเตะ หรือ ผู้เล่นทีม เรอัล โซเซียดาด
วันเกิด : 13/04/1983 
เมืองทีเกิด : Santiago de Chile (Chile) 
ส่วนสูง : 1,85m 
น้ำหนัก : 84kg 
สัญชาติผู้เล่น : ชิลี 
หมายเลขผู้เล่น : 1 
ตำแหน่ง: ผู้รักษาประตู
สถิติของผู้เล่น เคลาดิโอ บราโว ผู้เล่นหมายเลข 1 นักเตะทีม เรอัล โซเซียดาด
สถิติผู้รักษาประตู : 23
สถิติการเตะลูกจากประตู : 269
ผ่านบอล : 607
เวลาที่ลงเล่น : 1620
ใบเหลือง : 2
ใบแดง : 0
ยาย่า ตูเร (Yaya Touré) เป็นนักเตะทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ปัจจุบันสังกัด สโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี ลงเล่นทั้งสิ้น 27 นัด ในนามทีมชาติ ไอวอรีโคสต์ในตำแหน่ง มิดฟิลด์ และเขาเป็นน้องชายแท้ ๆ ของ โคโล ตูเร กองหลังทีม สโมสรลิเวอร์พูล