เมา

Red Bobblehead Bunny
ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของ ธนาคาร คงไฝ

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เรามาทำความรู้จักกันก่อนนะครับว่า ฟุตบอลคืออะไร??

ฟุตบอล หรือ ซอกเกอร์ เป็นกีฬาประเภททีมที่เล่นระหว่างสองทีมโดยแต่ละทีมมีผู้เล่น11คน โดยใช้ลูกบอล เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก
โดยจะเล่นในสนามหญ้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือ สนามหญ้าเทียม โดยมีประตูอยู่กึ่งกลางที่ปลายสนามทั้งสองฝั่ง เป้าหมายคือทำคะแนนโดยพาลูกฟุตบอลให้เข้าไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม ในการเล่นทั่วไปผู้รักษาประตูจะเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้มือหรือแขนกับลูกฟุตบอลได้ ส่วนผู้เล่นอื่นๆจะใช้เท้าในการเตะลูกฟุตบอลไปยังตำแหน่งที่ต้องการ บางครั้งอาจใช้ลำตัว หรือ ศีรษะ เพื่อสกัดลูกฟุตบอลที่ลอยอยู่กลางอากาศ โดยทีมที่พาลูกฟุตบอลเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ถ้าคะแนนเท่ากันให้ถือว่าเสมอ แต่ในบางเกมที่เสมอกันในช่วงเวลาปกติแล้วต้องการหาผู้ชนะจึงต้องมีการต่อเวลาพิเศษ และ/หรือยิงลูกโทษขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของรายการแข่งขันนั้นๆ
โดยกฎกติกาการเล่นสมัยใหม่จะถูกรวบรวมขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ในปีพ.ศ. 2406 ได้กำเนิดLaws of the Gameเพื่อเป็นแนวทางกติกาการเล่นในปัจจุบัน ฟุตบอลในระดับนานาชาติจะถูกวางระเบียบโดยฟีฟ่า ซึ่งรายการแข่งขันที่มีเกียรติสูงสุดในระดับนานาชาติคือการแข่งขันฟุตบอลโลกซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี


วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558


เนย์มาร์ ดา ซิลวา ซังตุส ฌูนีโอร์ (โปรตุเกส: Neymar da Silva Santos Júnior; เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992) หรือรู้จักกันในชื่อ เนย์มาร์ เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นอยู่กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและฟุตบอลทีมชาติบราซิลในตำแหน่งกองหน้า
ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ในการแข่งขันรอบแรกนัดสุดท้าย เนย์มาร์เป็นผู้ยิงประตูแรกให้แก่บราซิล ที่พบกับแคเมอรูนในนาทีที่ 17 ซึ่งประตูนี้นับเป็นประตูที่ 100 ของทีมชาติบราซิล และนับเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกนัดที่ 100 ของบราซิลอีกด้วย[2]
แต่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่บราซิลพบกับโคลอมเบีย แม้บราซิลจะเป็นฝ่ายชนะไป 2-1 แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังถึงขั้นร้าวเมื่อปะทะกับฮวน กามีโล ซูญีกา กองหลังของโคลอมเบียที่กระโดดเข้าใส่ที่หลัง ทำให้ต้องหยุดเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ ซึ่งในรอบต่อมาบราซิลก็เป็นฝ่ายแพ้ต่อเยอรมนีไปถึง 1-7 ประตู ทำให้หมดสิทธิที่จะผ่
านเข้าไปชิงชนะเลิศ
เมซุท เออซิล (เยอรมัน: Mesut Özil) เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1988 ที่เมืองเกลเซนเคียร์เชิน เป็นนักฟุตบอลชาวเยอรมันเชื้อสายตุรกี[2] โดยเป็นที่รู้จักกันดีจากการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้

เออซิลเล่นให้กับแวร์เดอร์เบรเมินและทีมชาติเยอรมนี ต่อมาได้ย้ายไปเรอัลมาดริด และได้ย้ายมาอาร์เซนอลด้วยค่าตัวราว 42.5 ล้านปอนด์ในไม่กี่ชั่วโมงก่อนปิดการซื้อขายตัวนักฟุตบอล ในช่วงต้นฤดูกาล 2013–14 เออซิลเป็นผู้เล่นตัวทำเกมที่มากความสามารถ โดยยิงประตูให้เรอัลมาดริดถึง 74 ลูก ในปี 2010–13

โดยการย้ายมาอาร์เซนอลครั้งนี้ นับเป็นการทำสถิติการซื้อตัวนักฟุตบอลที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของอาร์เซนอล

ในฤดูกาล 2014–15 เออซิลถูกวิจารณ์ว่าการเล่นตกลงไป ไม่โดดเด่นเหมือนฤดูกาลที่แล้ว ในต้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 ขณะที่เดินทางกลับไปเยอรมนี เออซิลได้ถูกตรวจพบว่าได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ต้องพักรักษาเป็นเวลาราว 3 เดือน[4] ก่อนที่จะเริ่มกลับมาซ้อมและกลับมาลงเล่นอีกครั้งได้ในต้นปี ค.ศ. 2015[5] ในฐานะตัวสำรอง ที่เปลี่ยนตัวลงไปในนาทีที่ 73 แทนที่ออลีวีเย ฌีรู ที่ถูกเปลี่ยนออก ในนัดที่อาร์เซนอลพบกับสโตกซิตี ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม ผลการแข่งขันอาร์เซนอลชนะไป 3-0[6] เออซิลถูกส่งลงแข่งขันเป็นตัวจริงนัดแรกหลังจากหายบาดเจ็บกลับมา ในรายการเอฟเอคัพรอบสี่ ที่อาร์เซนอลบุกไปเอาชนะไบรตัน & โฮปอัลเบียน ไปได้ 3-2 โดยเป็นผู้ยิงประตูที่ 2 ได้ในนาทีที่ 24 ด้วย[7] และยิงเป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกหลังจากหายอาการบาดเจ็บกลับมา ในนัดที่ 23 ของฤดูกาล ที่อาร์เซนอลเป็นฝ่ายเอาชนะแอสตันวิลลา ไปได้ถึง 5-0 ที่สนามเอมิเรตส์สเตเดียม โดยเออซิลยิงได้ในนาทีที่ 56 นับเป็นประตูที่ 2 ของการแข่งขันนัดนี้[8]

และต่อมาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (PFA) ประจำเดือนเมษายน ค.ศ. 2015
ตีโบ นีกอลา มาร์ก กูร์ตัว (ฝรั่งเศส: Thibaut Nicolas Marc Courtois) เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1992 เป็นนักฟุตบอลชาวเบลเยียม เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ปัจจุบันลงเล่นให้กับเชลซีในพรีเมียร์ลีก และทีมชาติเบลเยี่ยม

กูร์ตัว เกิดในครอบครัวนักกีฬา โดยมีพี่สาวเป็นนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเบลเยียม คือ วาเลรีย์ กูตัวร์ ในวัยเด็กกูร์ตัวเริ่มเล่นกีฬาครั้งแรกก็คือวอลเลย์บอล ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นผู้รักษาประตูฟุตบอล เมื่ออายุได้ 11 ขวบ[3]และด้วยความที่รูปร่างสูงใหญ่ถึง 199 เซนติเมตร ทำให้ในฤดูกาล 2014–15 นั้น โชเซ มูรีนโย ผู้จัดการเชลซีเลือกที่จะให้กูตัวร์เป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของสโมสร แทนที่เปเตอร์ เช็ค ที่ซึ่งแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก และเล่นให้กับสโมสรมาอย่างยาวนาน 11 ปี ต้องตกไปเป็นตัวสำรอง และทำให้เมื่อจบฤดูกาล เช็คต้องขอย้ายไปอาร์เซนอล[4]

ในนัดเปิดฤดูกาล 2015–16 ที่เชลซีพบกับ สวอนซีซิตี ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ กูร์ตัวถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 52 จากการที่เข้าไปสกัดบาเฟติมบี โกมิส ผู้เล่นของสวอนซีซิตีที่หลุดเข้าไปที่หน้าประตูในกรอบเขตโทษล้มลง เป็นผลให้โดนไล่ออก และเชลซีเป็นฝ่ายเสียลูกจุดโทษ ซึ่งทำให้ผลการแข่งขันทั้งคู่เสมอกันไป 2-2 ประตู

มารีโอ บาร์วูอา บาโลเตลลี (อิตาลี: Mario Barwuah Balotelli, เสียงอ่านภาษาอิตาลี: [ˈmaːrjo baloˈtɛlli])[3] นักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลี เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวรุกให้กับเอ.ซี. มิลาน [4] โดยยืมตัวมาจากลิเวอร์พูล[5][6] และทีมชาติอิตาลี ทั้งนี้บาโลเตลลีเป็นนักฟุตบอลที่เป็นที่รับรู้กันดีว่า มีพฤติกรรมส่วนตัวที่แย่กับหลายสโมสร[7]
บาโลเตลลี เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1990 เป็นชาวอิตาลีเชื้อสายกานา ครอบครัวมีฐานะยากจนมาก แถมมีปัญหาสุขภาพตั้งแต่เด็ก ทำให้พ่อและแม่ต้องตัดสินใจส่งให้กับผู้ที่มีฐานะร่ำรวยกว่าดูแลเมื่ออายุ 3 ขวบ [7]
บาโลเตลลีเริ่มอาชีพในฐานะนักฟุตบอลอาชีพกับลูเมซซาเน และได้เล่นในทีมชุดใหญ่เพียง 2 ครั้ง เคยทดสอบฝีเท้ากับบาร์เซโลนา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นได้ร่วมกับอินเตอร์มิลาน ในปี ค.ศ. 2007 โรแบร์โต มันชีนี ผู้จัดการทีมนำบาโลเตลลีเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ แต่เมื่อมันชีนีออกจากทีมไป วินัยของบาโลเตลลีก็แย่ลง บาโลเตลลีไม่ลงรอยกับโชเซ มูรีนโย ผู้ช่วยผู้จัดการทีม และในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 ก็ถูกพักออกไปจากทีมชุดใหญ่หลังมีปัญหาด้านวินัย ปัญหาเริ่มมากขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 เมื่อถูกวิจารณ์อย่างหนักจากแฟน ๆ อินเตอร์มิลาน เมื่อบาโลเตลลีออกรายการโทรทัศน์อิตาลีที่ชื่อ Striscia la Notizia โดยสวมเสื้อเอ.ซี. มิลาน สถานการณ์ในทีมของบาโลเตลลียังแย่ลงเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังได้ลงสนามเป็นครั้งคราว และสถานการณ์ก็มาเลวร้ายสุด ๆ เมื่อบาโลเตลลีโยนชุดอินเตอร์มิลานลงบนพื้น หลังจากถูกแฟนสโมสรโห่ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในรอบรองชนะเลิศที่เสมอกับบาร์เซโลนา
เมื่ออนาคตกับอินเตอร์มิลานไม่แน่นอน บาโลเตลลีก็ได้รับการติดต่อจากมันชีนี อดีตผู้จัดการของอินเตอร์มิลานให้ย้ายไปร่วมกับแมนเชสเตอร์ซิตีในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ที่นั่นบาโลเตลลีได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าในช่วงปลายฤดูกาลมันชีนีก็ระบุว่า มาโลเตลลีเป็นนักฟุตบอลที่ไม่อาจจะควบคุมได้ และสั่งระงับการลงเล่นของบาโลเตลลีในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่พบกับเรอัลมาดริด ถึงขนาดมีข่าวลือว่าทั้งคู่เกือบจะชกต่อยกันในสนามฝึกซ้อม แต่มันชีนีก็ได้ปฏิเสธ[8] ต่อมาบาโลเตลลีได้ย้ายเล่นที่เอ.ซี. มิลาน ในอิตาลี ประเทศของตนเองอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ต้นฤดูกาล 2014-15 เมื่อลิเวอร์พูลได้ขอซื้อตัวบาโลเตลลีกลับไปยังพรีเมียร์ลีกอีกครั้งด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ สัญญา 3 ปี[9] ทั้งที่สโมสรที่มีข่าวกับบาโลเตลลีมาอย่างต่อเนื่อง คือ อาร์เซนอล[
ชื่อผู้เล่น : เคลาดิโอ บราโว (Claudio Andrés Bravo Muñoz)
หมายเลข : 1
ตำแหน่ง : ผู้รักษาประตู
ข้อมูล เคลาดิโอ บราโว หมายเลข 1 รายชื่อนักเตะ หรือ ผู้เล่นทีม เรอัล โซเซียดาด
วันเกิด : 13/04/1983 
เมืองทีเกิด : Santiago de Chile (Chile) 
ส่วนสูง : 1,85m 
น้ำหนัก : 84kg 
สัญชาติผู้เล่น : ชิลี 
หมายเลขผู้เล่น : 1 
ตำแหน่ง: ผู้รักษาประตู
สถิติของผู้เล่น เคลาดิโอ บราโว ผู้เล่นหมายเลข 1 นักเตะทีม เรอัล โซเซียดาด
สถิติผู้รักษาประตู : 23
สถิติการเตะลูกจากประตู : 269
ผ่านบอล : 607
เวลาที่ลงเล่น : 1620
ใบเหลือง : 2
ใบแดง : 0
ยาย่า ตูเร (Yaya Touré) เป็นนักเตะทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ปัจจุบันสังกัด สโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี ลงเล่นทั้งสิ้น 27 นัด ในนามทีมชาติ ไอวอรีโคสต์ในตำแหน่ง มิดฟิลด์ และเขาเป็นน้องชายแท้ ๆ ของ โคโล ตูเร กองหลังทีม สโมสรลิเวอร์พูล


เซร์คีโอ ราโมส การ์ซีอา (สเปน: Sergio Ramos García) เป็นที่รู้จักในนาม เซร์คีโอ ราโมส เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน เกิดเมื่อ 30 มีนาคม ค.ศ. 1986 ที่เซบียา สเปน มีบิดาชื่อ โคเซ มารีอา (José María) ส่วนมารดาชื่อ ปากี (Paqui) มีพี่ชายและน้องสาวอย่างละหนึ่ง คือ เรเน (Rene) กับมีเรียม (Miriam)

ในตอนเด็กได้รับการสนับสนุนจากมารดาโดยให้ลูกชายฝึกหัดฟุตบอล เริ่มจากเข้าทีมกามัสเอฟซี ซึ่งได้รับกำลังใจจากครอบครัวทุกแมตช์ จากนั้นราโมสย้ายสู่ทีมเยาวชนเซบียา เล่นตำแหน่งแบ็กขวา ทำหน้าที่ทั้งเกมรับเกมรุกดีเยี่ยมจนเข้าตาหลายทีม จนได้ลงเล่นเซบียาชุดใหญ่ แต่อยู่ได้ 2 ฤดูกาล เรอัลมาดริดก็ดึงไปด้วยค่าตัว 27 ล้านยูโร ในช่วงฤดูร้อนปี 2005 เขารับตำแหน่งเป็นนักเตะดาวรุ่งค่าตัวแพงเป็นอันดับ 2 รองจากเวย์น รูนีย์

เขาสวมเสื้อเบอร์ 4 เบอร์เดียวกับเอียร์โร อดีตกัปตันมาดริด ประตูแรกอยู่ในเกมที่พบโอลิมเปียโกส 1 ประตูของทีมได้ หลังจากนั้นก็พ่ายให้โอลิมเปียโกสไป 2-1 สำหรับทีมชาติ เขาลงสนามฟุตบอลโลก 2006 โดยก่อนหน้านั้นคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม 2004-2005

ราโมสชอบทำงานกุศล เขาเคยถ่ายนิตยสารภาพนู้ดเมื่อครั้งวันเกิดอายุ 19 ปี โดยนำเงินค่าตัวช่วยผู้ประสบภัยสึนามิ และเขาสักชื่อคนในครอบครัวที่ข้อมือขวา เพื่อเตือนใจว่าได้ดีมาเพราะครอบครัวผลงาน
เรอัลมาดริด
รามอสเป็นผู้เล่นที่สามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี และเป็นกองหลังที่ยิงประตูได้มากที่สุดในทีมคนหนึ่ง

2013-2014
รามอสเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูบาเยิร์นมิวนิกได้ถึงสองประตูในรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และเป็นคนโหม่งตีเสมออัตเลตีโกมาดริดในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย

รางวัลเกียรติยศ
เรอัลมาดริด
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2014
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2013-2014
ลาลีกา สเปน 2011-2012

อีเกร์ กาซียัส เฟร์นันเดซ (สเปน: Iker Casillas Fernández) เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1981 เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ผู้ซึ่งปัจจุบันเล่นให้กับโปร์ตูของโปรตุเกส และฟุตบอลทีมชาติสเปน ในตำแหน่งผู้รักษาประตู ในปี ค.ศ. 2008 กาซียัสได้เป็นกัปตันฟุตบอลทีมชาติสเปน ซึ่งชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี นอกจากนั้นสเปนยังชนะเลิศฟุตบอลโลก และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012

อีเกร์ กาซียัส เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลกับเรอัลมาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา ของสเปน ด้วยวัยเพียง 16 ปี ในขณะที่ยังเป็นเพียงนักเรียนชั้นมัธยม โดยในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1996 ขณะที่นั่งเรียนวิชาเขียนแบบอยู่กับเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน กาซียัสก็ถูกเรียกตัวอย่างกระทันหันให้เดินไปที่นอร์เวย์ เพื่อเป็นผู้รักษาประตูของเรอัลมาดริด ซึ่งขณะนั้นผู้รักษาประตูมือหนึ่ง และมือสอง คือ โบโด อิกเนอร์ กับซานติ กายิซาเรส ได้รับบาดเจ็บ และหลังจากนั้นเพียง 2 ปี กาซียัสก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของสโมสรได้สำเร็จ

กาซียัส อยู่กับเรอัลมาดริดมาเป็นเวลานานถึง 16 ปี ประสบความสำเร็จมากมาย จนกระทั่งในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล สเปนในฐานะแชมป์เก่าพบกับเนเธอร์แลนด์ ในรอบแรก ซึ่งเป็นคู่ชิงแชมป์เมื่อครั้งที่แล้ว ปรากฏว่าสเปนเป็นฝ่ายแพ้ไปอย่างขาดลอยถึง 1-5 ประตู โดยกาซียัสในฐานะผู้รักษาประตูและกัปตันทีมถูกวิจารณ์อย่างมากในครั้งนี้ว่าเล่นผิดพลาด และในที่สุดสเปนก็ต้องตกรอบแรก และนับจากนั้น เรอัลมาดริด ก็มีว่าข่าวว่าต้องการตัว ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มาร่วมสโมสรแทนที่กาซียัสมาตลอด ที่สุดเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2014–15 กาซียัสก็ต้องย้ายจากเรอัลมาดริดไปอยู่กับโปร์ตู โดยเจ้าตัวถึงกับแถลงข่าวเปิดใจด้วยสภาพน้ำตานองหน้า
ประวัติ
ธีรศิลป์ แดงดา เกิดที่กรุงเทพมหานคร มีบิดาชื่อ พ.อ.อ.ประสิทธิ์ แดงดา กับมารดาชื่อกาญจนา ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ และธีรศิลป์มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อธนีกาญจน์ แดงดา ซึ่งเป็นนักกีฬาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ทั้งนี้ ธีรศิลป์สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี โดยเขาได้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลเยาวชนของโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีด้วย ซึ่งได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมรุ่นและผู้ฝึกสอนของโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีว่าเป็นนักฟุตบอลที่เก่งและสามารถเคลื่อนไหวไปกับลูกบอลได้อย่างรวดเร็ว

ฟุตบอลสโมสร
ทหารอากาศกับราชประชา[แก้]
ธีรศิลป์เริ่มเล่นฟุตบอลกับทหารอากาศ ใน ไทยลีกดิวิชั่น 1 เมื่อปี 2548 ในช่วงวัยแค่ 17 ปี ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยได้โอกาสลงเล่นมากเท่าไร แต่ก็สามารถทำประตูได้ 3 ประตูจากการลงเล่นแค่ 6 นัด ซึ่งในขณะนั้นยังเล่นในตำแหน่ง กองกลางตัวรุก แล้วได้ย้ายไปราชประชา เอฟซีในปี 2549 โดยธีรศิลป์ได้ลงเล่นในตำแหน่ง กองหน้า มากขึ้น โดยสามารถทำประตูได้ถึง 9 ประตู จากการลงเล่น 18 นัด และจ่ายให้เพื่อนทำประตูถึง 5 ครั้ง

เมืองทองยูไนเต็ด (ครั้งที่ 1)
จากนั้นช่วงครึ่งฤดูกาล (เลก 2) ธีรศิลป์ได้ย้ายลงมาเล่นให้สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ดในไทยลีกดิวิชั่น 2 ปี พ.ศ. 2550และเป็นนักฟุตบอลที่มีส่วนในการนำเมืองทองเป็นแชมป์ไทยลีกดิวิชั่น 2 ซึ่งผู้จัดการทีมของเมืองทองในขณะนั้นคือ โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ได้กล่าวเอ่ยชมว่า "ธีรศิลป์เริ่มมีทักษะและการเล่นที่ดีมากขึ้นจนมีหลายทีมทั้งในประเทศและนอกประเทศสนใจอยากได้ธีรศิลป์ได้ร่วมทีม ซึ่งตัวผมและสตาฟโค้ชทุกคนยังเชื่อมั่นได้เลยว่าเด็กคนนี้มีอนาคตที่สดใสแน่นอน" ซึ่งในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ได้ลงเล่น 15 นัด ทำประตูได้ 7 ประตู จ่ายให้เพื่อนทำประตูได้ 2 ครั้ง

แมนเชสเตอร์ซิตี
ต่อมาธีรศิลป์ก็ได้เป็นหนึ่งในสามนักฟุตบอลของไทยที่ได้ไปทดสอบฝีเท้าที่สโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี จนกระทั่งสเวน-เยอราน เอริกซอน ผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ซิตีในขณะนั้นได้มาเซ็นสัญญาซื้อตัวจากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านบาท[2] หลังเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ซิตี ธีรศิลป์ก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตทำงานในอังกฤษโดยกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษไม่ออกใบอนุญาตให้ จึงไม่สามารถลงเล่นให้ต้นสังกัดได้ แมนเชสเตอร์ซิตีจึงส่งตัวไปให้ทีมกราสฮอปเปอร์คลับซูริก (สโมสรในสวิสซูเปอร์ลีกลีกฟุตบอลในสวิตเซอร์แลนด์) ยืมตัวไปในปี พ.ศ. 2551 เพื่อแก้ปัญหานักเตะไม่ได้ลงเล่น

กราสฮอปเปอร์คลับซูริก
ธีรศิลป์ได้ย้ายมาอยู่กราสฮอปเปอร์คลับซูริก สโมสรฟุตบอลจากเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาอยู่ในทีมชุดแรกของกราสฮอปเปอร์คลับซูริกได้ จึงได้แต่เล่นอยู่กับทีมชุดเยาวชนของทีม ซึ่งได้ลงเล่นแค่ 6 นัด และทำให้มีกระแสข่าวการย้ายกลับมาเล่นในประเทศไทยอีกครั้ง

ราชประชา (ครั้งที่ 2)
ในปลายปี พ.ศ. 2551 ธีรศิลป์ได้เดินทางกลับมาเล่นฟุตบอลในประเทศไทยโดยลงเล่นในดิวิชั่น 2 ให้สโมสรราชประชาอดีตต้นสังกัดเก่าด้วยสัญญายืมตัว 5 นัด และช่วยให้สโมสรรอดจากการตกชั้นได้สำเร็จ ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาจากแมนเชสเตอร์ซิตี สโมสรต้นสังกัดที่แท้จริงในเวลาต่อมา [3]

เมืองทอง ยูไนเต็ด (ครั้งที่ 2)
ฤดูกาล 2552[แก้]
ในปี พ.ศ. 2552 ธีรศิลป์ได้กลับมาเซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ในขณะนั้น โค้ชแต๊ก อรรถพล บุษปาคม เป็นผู้ฝึกสอน โดยย้ายแบบไม่มีค่าตัว หลังจากเคยเล่นให้สโมสรนี้มาแล้วในระดับดิวิชั่น 2 และลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552 ในเกมส์ที่เปิดบ้านชนะการท่าเรือไทย 3-0 ซึ่งเขาเป็นคนยิงประตูแรกให้ทีมขึ้นนำ และนัดนี้ถือเป็นการลงเล่นในลีกสูงสุดของไทยเป็นครั้งแรกของเจ้าตัวด้วยซึ่งเขาสามารถนำสโมสรคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก เป็นสมัยแรกของสโมสร ซึ่งนอกจากธีรศิลป์แล้วยังมีนักเตะที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการช่วยสโมสรคว้าแชมป์คือ ดักโน เซียกา ซึ่งเป็นดาวยิงสูงสุดของสโมสรในฤดูกาลนั้นที่ทำไป 10 ประตู, ซูมาโฮโร ยายา,สุริยา ดอมไธสง และในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ยิงได้ 7 ประตู

ฤดูกาล 2553
ในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงมากขึ้นถึงแม้จะติดเกมส์ของทีมชาติและมีอาการบาดเจ็บทั้งเกมส์ในลีก,ทีมชาติ และเกมส์ชิงแชมป์สโมสรเอเชียอย่าง เอเอฟซีคัพ แต่เขาก็ยังเป็นกำลังหลักสำคัญของสโมสรในการคว้าแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของสโมสรเทียบเท่า บีอีซี เทโรศาสน ธนาคารกรุงไทย และ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด นอกจากนั้นเขายังยิงได้ในรายการ เอเอฟซีคัพ รอบสิบหกทีมสุดท้ายสุดท้ายที่สโมสรเจอกับ อัล รายยัน สโมสรฟุตบอลจากประเทศกาตาร์ แต่ก็ต้องตกรอบในรอบแปดทีมสุดท้ายในนัดทีเจอกับ อัล อิตติฮัด จากซีเรีย ไปด้วยสกอร์ 2-1

ฤดูกาล 2554
เมื่อหลังจบศึกการเล่น ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือกในโซนเอเชีย ให้กับทีมชาติไทย ธีรศิลป์ได้กลับมาช่วยต้นสังกัดอีกครั้ง ซึ่งในฤดูกาลนี้สโมสรเมืองทองได้สร้างความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลไทยอีกครั้งด้วยการซื้อ ร็อบบี ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าตัวเก่งของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และ คริสเตียน ควาคู มาช่วยธีรศิลป์ในการเพิ่มเกมส์รุกให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์นำทีมไปเล่นในรายการ เอเอฟซีคัพ (ซึ่งตกรอบมาจาก เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2554 รอบคัดเลือก) โดยเมืองทองอยู่กลุ่มเดียวกับ สโมสรฟุตบอลทัมปิเนสโรเวอร์,ฮานอย ทีแอนด์ที และ วีบี สปอร์ต คลับ.ซึ่งธีรศิลป์ได้ยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่ม 2 ลูก ในนัดที่เมืองทองเปิดบ้านเอาชนะ ฮานอย ทีแอนด์ที ไป 4-0 (ยิง 2 ประตูเดียวในนัดนี้) และเมืองทองก็เป็นแชมป์กลุ่มแล้วทะลุมาในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับ อัล อะห์เอ็ด ซึ่งธีรศิลปืก็ยิงประตูได้ในนัดนี้ แต่ก็ต้องตกรอบในรอบ 8 ทีมสุดท้ายในนัดที่เจอกับ คูเวต เอสซี ซึ่งแพ้ไป 1-0 และใน ไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ยิงได้ 13 ประตู และทำแฮตทริกได้ 1 ครั้งในนัดที่พบกับบางกองกล๊าสที่เมืองทองชนะด้วยสกอร์ 6-2

ฤดูกาล 2555
ก่อนที่ ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 จะเปิดฤดูกาลสโมสรเมืองทองได้ซื้อนักเตะโควตาต่างชาติเข้ามาช่วยธีรศิลป์ในการทำเกมส์รุกในแดนกองหน้า หลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จอย่างที่ควร โดยซื้อนักเตะอย่าง มารีโอ ยูโรฟสกี, อัดนัน บาราคัท, เปาโล เรนเกิล.ประตูแรกที่ธีรศิลป์ยิงได้ในไทยลีกนัดแรกคือเกมส์ที่เมืองทองเปิดบ้านเอาชนะ สโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย ไป 5-1 ธีรศิลป์ยังทำแฮตทริกได้ในนัดที่เมืองทองบุกไปเอาชนะบีบีซียูเอฟซี ได้ 1-8 ส่วนใน ไทยคม เอฟเอคัพ 2555 รอบก่อนรองชนะเลิศที่เมืองทองเจอกับอาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งธีรศิลป์ก็ยิงไป 1 ประตู แต่ก็แพ้ด้วยสกอร์ 3-2 และใน โตโยต้า ลีกคัพ 2555 ธีรสิลป์จะยิงประตูไม่ได้แต่ก็ช่วยจ่ายให้เพื่อนทำประตู 2 ครั้ง และเมื่อจบการแข่งขัน ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 เมืองทองยูไนเต็ดเป็นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก สมัยที่ 3 ซึ่งสามารถสร้างสถิติไม่แพ้สโมสรใดในฤดูกาลนี้ในไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งธีรศิลป์ก็ได้รับรางวัลดาวซัลโวร่วมกับ คลีตัน โอลิเวียรา ซิลวา นักฟุตบอลชาวบราซิลของบีอีซี เทโรศาสน ด้วยการทำประตูไป 24 ประตู และยังได้รับรางวัล กองหน้ายอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ. 2555 ของไทยพรีเมียร์ลีก เป็นสมัยแรกของเจ้าตัว

หลังจากจบฤดูกาล 2555
หลังจบศึก ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 ไปประมาณ 1 เดือน ธีรศิลป์ได้กลับไปอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ร่วมกับครอบครัว ซึ่งในช่วงนั้นมีข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายตัวของธีรศิลป์มากมายทั้งจะย้ายไปอยู่ในลีกฟุตบอลเกาหลี,ออสเตรเลีย และ สโมสรฟุตบอลเคตาเฟ จาก ลาลีกาสเปน ได้ยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 10 ล้านบาทมาให้สโมสรเมืองทองแต่ก็ได้รับการปฏิเสธไป แต่ก็มีข่าวทีทำให้แฟนบอลชาวไทยดีใจกันทั้งประเทศคือ สโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด สโมสรฟุตบอลจากลาลีกาสเปน ซึ่งเป็นสโมสรพันธมิตรกับเมืองทองได้เสนอเชิญธีรศิลป์เข้าไปร่วมทดสอบการเล่นกับสโมสรอัตเลตีโกมาดริดเป็นเวลา 1 เดือน ที่ ประเทศสเปนและพร้อมจัดที่พักกับรถรับส่งเป็นอย่างดี ซึ่งทั้งทางธีรศิลป์และสโมสรเมืองทองได้ตอบตกลงกับทางอัตเลตีโกมาดริดและมีกำหนดการไปร่วมฝึกซ้อม ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556 และหลังจากนั้นธีรศิลป์ได้ถูกเรียกในนาม ฟุตบอลทีมชาติไทย ไปแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ที่ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพร่วม

ฤดูกาล 2556
อัตเลตีโกมาดริด (ไปทดสอบการเล่น)[แก้]
ในฤดูกาล 2556 ธีรศิลป์เดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด ที่ประเทศสเปน พร้อมกับผู้ฝึกสอน อุทัย บุญเหมาะ ที่บินไปอบรมผู้ฝึกสอน และนักเตะเยาวชนของ สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อีก 9 ราย อย่าง กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์, เสกสิทธิ์ ศรีใส, ตามีซี หะยียูโซะ, กิตติศักดิ์ โฮชิน, ณัฐพล เปี่ยมพลาย, นนทวัฒน์ กลิ่นจำปาศรี, วีระวัฒน์ เกิดปั้น, พิชา อุทรา, พิพรรธพล ทับไทร ก็เดินทางไปเพาะบ่มฝีเท้ากับเจ้ามุ้ยด้วยเช่นเดียวกัน โดยเดินทางไปจากสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2556 [4] และทั้งหมดนี้ได้เดินทางถึงประเทศสเปนเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา ท่ามกลางการต้อนรับถึงสนามบินที่สเปนของตัวแทนสโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด[5] และธีรศิลป์ก็ได้ลงซ้อมประเดิมทดสอบฝีเท้ากับทีมสำรองชุดเบและชุดเซกับสโมสรอัตเลตีโกมาดริดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา [6] โดยมีอาวุธ จิวรากรานนท์ (เจมส์ ลาลีกา) และ โฆษิต นิมมานวัฒนา (เต๊ะ เอลนินโญ่) สองผู้สื่อข่าวจากสยามสปอร์ตประจำประเทศสเปนได้ร่วมเกาะติดและเก็บภาพบรรยากาศออกอากาศผ่านทางช่องสตาร์ซอคเกอร์ทีวี โดยได้ไปซ้อมกับนักเตะชื่อดังของสโมสรอัตเลตีโกมาดริด อาทิเช่น ราดาเมล ฟัลกาโอ, อาร์ดา ตูราน, เดียโก โกดิน ซึ่งมีผู้ฝึกสอนชุดใหญ่ของสโมสรอย่าง เดียโก ซีเมโอเน เป็นผู้ดูแลและคอยให้คำแนะนำและแท็กติกให้กับธีรศิลป์อยู่เสมอ

เมืองทอง ยูไนเต็ด

ธีรศิลป์ลงเล่นให้เมืองทองยูไนเต็ดในปี พ.ศ. 2556
หลังจากกลับมาจากประเทศสเปน ธีรศิลป์ได้ลงเล่นให้กับเมืองทองยูไนเต็ดนัดแรกอย่างเป็นทางการของฤดูกาล 2556 โดยเป็นการแข่งขันในรายการ ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ถ้วย ก ด้วยการพบกับทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งผลออกมาเมืองทองแพ้ไป 2-0 แล้วต่อมาใน เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 ในนัดเปิดสนาม เอสซีจี สเตเดียม พบกับ ชอนบุกฮุนไดมอเตอร์ สโมสรฟุตบอลจากเคลีกของประเทศเกาหลีใต้ โดยผลคือเสมอกันไป 2-2.ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก นัดแรกของฤดูกาล 2556 เมืองทองยูไนเต็ดพบกับสโมสรฟุตบอลทหารบก (อาร์มี่ ยูไนเต็ด) ซึ่งธีรศิลป์ยิงลูกแรกให้เมืองทองขึ้นนำ ก่อนที่ผลจะจบออกมาด้วยสกอร์ 2-1

อัลเมรีอา
ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 สโมสรอูเด อัลเมรีอา ในลาลีกาของสเปน ได้ยืมตัวธีรศิลป์ไปเล่นในฤดูกาล 2557-2558 เป็นเวลา 1 ฤดูกาล ภายใต้การคุมทีมของฟรันซิสโก คาเบียร์ โรดรีเกซ บิลเชซ กุนซือชาวสเปน พร้อมเงื่อนไขในการซื้อขาดหากทำผลงานได้ดี โดยธีรศิลป์จะได้สวมเสื้อหมายเลข 18 ลงเล่นให้กับอัลเมรีอา ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสโมสรที่สภาว่าการเมืองอัลเมรีอา แคว้นอันดาลูซีอา ประเทศสเปน[7]

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ธีรศิลป์สร้างประวัติศาสตร์โดยการเป็นนักเตะชาวไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นในลาลีกา เมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนเฟร์นันโด โซเรียโน มาร์โกในเกมลาลีกาที่อัลเมรีอาเปิดบ้านเสมออัสปัญญอล 1-1 ที่เอสตาดีโอเดโลสคูเอโกสเมดีเตร์ราเนโอส

ในลาลีกา ธีรศิลป์ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นมากนัก โดยต้องตกเป็นตัวสำรองของโตเมร์ เฮเมด กองหน้าทีมชาติอิสราเอล และมักจะถูกส่งลงมาเล่นในช่วงท้ายเกม

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ธีรศิลป์ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวจริงเป็นนัดแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยโกปาเดลเรย์ รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก โดยอัลเมรีอาต้องออกไปเยือนเรอัลเบติสที่สนามเบนีโต บียามาริน ซึ่งเกมส์นี้ถือเป็นดาร์บีแมตช์ของแคว้นอันดาลูซีอาอีกด้วย

การลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกของธีรศิลป์ เขาสามารถยิงประตูแรกให้ต้นสังกัดได้สำเร็จ เมื่ออีบัน ซานเชซจ่ายบอลมาให้เขาหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตูผ่านดานี คีเมเนซ ผู้รักษาประตูของเรอัลเบติส เข้าไปให้ทีมบุกมานำ 0 - 2 ก่อนจะจบลงด้วยชัยชนะ 3 - 4

ในต้นปี พ.ศ. 2558 ธีรศิลป์ได้ยกเลิกสัญญากับอัลเมรีอา ทำให้ไม่ครบระยะเวลาสัญญา 1 ปี โดยจะกลับไปเล่นให้กับเมืองทอง ยูไนเต็ด ต้นสังกัดเดิมต่อไป โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถปรับตัวได้ โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารหรือเรื่องภาษา ทำให้ธีรศิลป์ลงเล่นในลาลีกา 6 นัด ยิงไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว และในรายการโกปาเดลเรย์ ได้ลง 4 นัด ยิงได้ 1 ประตู 
ชื่อ : Sergio Leonel "Kun" Agüero del Castillo
เกิดวันที่ : June 2, 1988 
สถานที่เกิด : Quilmes Argentina
ส่วนสูง : 174 ซม.
ตำแหน่ง : กองหน้า
ต้นสังกัดปัจจุบัน : แอต มาดริด

เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงในปัจจุบันชาวอาร์เจนติน่ารายนี้ เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกในอาร์เจนติน่ากับสโมสร Independiete ในลีกอาร์เจนติน่า 
ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2003 อาร์เจนติน่าต้องจารึกประวัติศาสตร์อีกครั้ง เมื่อ เอล กุน
ได้ลงเล่นในฐานนะนักเตะเป็นครั้งแรกด้วยวัย 15 ปี 35 วัน ลบสถิติเก่าของตำนานเบอร์ 1
อย่าง ดีเอโก้ มาราดอนน่า ลงอย่างสิ้นเชิง ตลอดเวลาการค้าแข้ง 3 ปี ในลีกบ้านเกิด
อเกรโร่ กุน ลงเล่นให้กับ ndependiete ไปทั้งหมด 53 นัดยิงได้ 23 ลูก จนก้าวขึ้นมาติด
ทีมชาติอารืเจนติน่าชุด U17 U20 และ U 23



จุดเริ่มต้นและก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน ก็เกิดขึ้นในปี 2006 หลังจากที่ได้ลงเล่นในลีกบ้านเกิดจนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาสโมสรยักษ์ใหญ่ต่างๆในลีกยุโรปแล้ว 
นักเตะหนุ่มน้อยรายนี้ก็ได้ย้ายออกจากบ้านเกิดมาค้าแข้งกับทีม ตราหมี แอต มาดริด
วันที่ 29 พฤษภาคม 2006 แอต มาดริด เปิดตัว อเกวโร่ กุน ในฐานนะนักเตะคนใหม่ของทีม ใครจะไปเชื่อว่ากองหน้ารายนี้จะมีค่าตัวในการย้ายเข้ามายังถิ่น บิเซนเต้ กัลเดร่อน
ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอด์น

ในวันที่ 13 ธันวาคม 2006 เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน ได้ลงมาสัมผัสเกมส์เป็นครั้งแรกหลังจากย้ายมาร่วมทีม โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 91 ในเกมส์ โคปา เดลเรย์
ที่ลงเล่นกับ เลบานเต้ และต้องดวลกันถึงจุดโทษ และก็เป็น เอล กุน ที่เป็นคนยิงจุดโทษปิดท้ายให้ทีมชนะในไป 4-2 ในเกมส์นี้



หลังจากนั้น เอล กุน ก็ได้ลงเล่นในเกมส์ลาลีกาที่ แอต มาดริด ต้องบุกไปเยือนถิ่น
บาร์เซโลน่า โดยเกมส์นั้นผลจบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 แต่ เอล กุน กลับมีชื่อผู้ทำประตูได้หลังจากที่ได้ลงเล่นในเกมส์ลีกเป็นครั้งแรก

ในปี 2007 การจากไปของยอดกัปตันทีมคนเก่ง เฟอร์นานโด ตอร์เรส ได้เปิดทางให้
หัวหอกชาวอาร์เจนติน่ารายนี้ได้ลงเล่นอย่างเต็มตัว โดยได้ยืนเล่นกองหน้าเคียงคู่กับ
ดีเอโก้ ฟอร์ลัน หัวหอกชาวอุรุกวัย แถมยังระเบิดฟอร์มเก่งออกมาด้วยการถล่มประตู
คู่แข่งไปได้ทั้งหมด 20 ลูก แถมยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติของ Trofeo Alfredo Di Stefano ในฤดูกาล 2007-2008 ที่ผ่านมา



อเกวโร่ กุน ได้ถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนติน่าชุด U20 ในการลงเล่นชิงแชมป์โลก
กองหน้ารายนี้ก็ไม่ได้ทำให้กุนซือและเพื่อนร่วมทีมผิดหวังแม้แต่น้อยเลยทีเดียว ด้วยการ
นำทีมชาติอาร์เจนติน่า เถลิงบัลลังค์แชมป์โลกได้สำเร็จ รวมทั้ง การคว้ารางวัลรองเท้า
ทองคำในการแข่งขันในครั้งนั้นด้วย

จากผลงานและฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของกองหน้าชาวอาร์เจนติน่ารายนี้ ได้ส่งผล
ให้เจ้าตัวมีชื่อเข้าชิง รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า และยังสามารถคว้ารางวัลนี้มาครองได้สำเร็จทำให้ชื่อเสียงของ อเกวโร่ กุน ได้รับการจับตามองมากขึ้น



ในปี 2008 อเกวโร่ ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ของตัวเองในนามทีมชาติอีกครั้งโดย
ครั้งนี้เขาถูกเรียกตัวติดชุดทีมชาติลงเล่นในโอลิมปิกที่ปักกิ่งประเทศจีน ต้องบอกเลยว่า
การถูกเรียกตัวไปติดครั้งนี้ทำให้หลายๆคนได้เห็นกองหน้าคู่หูที่อันตรายทีเดียว
อเกวโร่ กุน ได้ลงเล่น โดยจับคู่กับ ลิโอเนล เมสซี่ ตลอดการแข่งขันจนพาทีมชาติ
ก้าวขึ้นไปคว้าเหรียญทองมาคล้องคอได้สำเร็จ

ผลงานในระดับนานาชาติ
อเกวโร่ กุน ลงเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2006 โดยเกมส์นั้นเป็นการพบกันระหว่าง อาร์เจนติน่า และ บราซิล เตะกันในวันที่ 3 กันยายน 2006 ที่เอมิเรสต์ 
บ้านของปืนใหญ่อาร์เซน่อล และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้ามาสู่ทีมชาติชุดใหญ่ของกองหน้ารายนี้ ปัจจุบัน เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน ติดทีมชาติไปแล้วทั้งหมด 14 นัดและสามารถทำประตูในนามทีมชาติได้ 5 ประตู


รอนัลดีนโยเกิดในเมืองโปร์ตูอาเลกรี (Porto Alegre) เมืองเอกของรัฐรีอูกรันดีดูซูล (Rio Grande do Sul) มารดาของเขาเป็นนางพยาบาล ส่วนบิดาของเขานั้นเป็นทั้งพนักงานอู่ซ่อมเรือและนักฟุตบอล ในวัยเยาว์ ทักษะในการเล่นฟุตบอลของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถยิงประตูคนเดียว 23 ประตูให้ทีมชนะทีมพื้นเมืองไป 23-0 เขาจึงได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมนักฟุตบอลอายุต่ำกว่า 17 ปีชิงแชมป์โลกที่ประเทศอียิปต์ ปี พ.ศ. 2540

ต่อมาก็มีทีมฟุตบอลต่าง ๆ ยื่นข้อเสนอมาให้เขามากมาย ท้ายที่สุดเขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมทีมเกรมีอู ภายหลังถูกซื้อตัวโดยทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็งในลีกฝรั่งเศส หลังจากนั้นเขาต้องการจะย้ายออกจากปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง โดยมีเป้าหมายว่าจะไปบาร์เซโลนา ในที่สุดเขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมทีมกับบาร์เซโลนาและประสบความสำเร็จอย่างมาก ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งกับเอซีมิลาน และปัจจุบันมกราคมปี 2554 ได้ย้ายกลับไปเล่นกับทีมฟลาเมงกูในบราซิล ต่อมาจึงย้ายออกจากฟลาเมงกูที่ไม่ยอมจ่ายค่าเหนื่อยให้แล้วย้ายไปอยู่อัตเลชีกูมีเนย์รู
โรนัลโด (อังกฤษ: Ronaldo) หรือชื่อเต็มว่า โรนัลดู ลูอีส นาซารีอู จี ลีมา (โปรตุเกส: Ronaldo Luíz Nazário de Lima) เกิดวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2519) เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันกำลังเล่นให้กับสโมสรคอรินเทียนส์


ในปี ค.ศ. 1993 โรนัลโดเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรกรูเซย์รู ในฤดูกาลแรกนั้น เขาทำได้ถึง 12 ประตูใน 14 เกม โดยโรนัลโดมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็ถูกแมวมองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ เพเอสเวไอนด์โฮเวนจากเนเธอร์แลนด์ดึงไปร่วมเล่น นอกจากนี้ โรนัลโดก็ยังได้ร่วมทางกับสโมสรใหญ่ในยุโรปมากมาย อาทิ บาร์เซโลนา อินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน (อินเตอร์ มิลาน) เรอัลมาดริด และเอซีมิลาน

ในส่วนของทีมชาตินั้น โรนัลโดลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ 97 นัด และทำประตูได้ถึง 62 ประตู โดยเป็นรองเพียงเปเล่และโรมารีอูเท่านั้น และยังเป็นเจ้าของสติถิ 15 ประตู ผู้ยิงประตูสูงสุดตลอดกาลของโลกในฟุตบอลโลกอีกด้วย เขาพาทีมชาติบราซิลได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยในปี ค.ศ. 1994 และ ค.ศ. 2002 แต่ต่อมาก็ถูกแย่งสถิติโดยมีโรสลัฟ โคลเซอในฟุตบอลโลกปี ค.ศ. 2014

ฉายาของโรนัลโดคือ O Fenômeno ("The Phenomenon" ในภาษาอังกฤษ) โรนัลโดเป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากมาย อาทิ รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป 2 สมัย ในปี ค.ศ. 1997 และ ค.ศ. 2002 รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของโลกโดยฟีฟ่า 3 สมัย ซึ่งมีเพียงโรนัลโดและซีเนดีน ซีดานเท่านั้นที่เคยทำได้ ในปี ค.ศ. 2007 เขาถูกจัดให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอล 100 คนที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลโดยนิตยสารฟุตบอลฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลยอดเยี่ยมที่สุดของโลกที่ยังมีชีวิตอยู่โดยเปเล่

เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2013 โรนัลโดประกาศเกษียณตัวเองจากการเป็นนักฟุตบอล เนื่องจากความเจ็บปวดและภาวะขาดไทรอยด์[1]

เมื่อวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2015 โรนัลโดเตรียมฟิตหุ่น โรนัลโด้ ออกมาเผยว่า ตัวเขาเองจะพยายามเรียกความฟิตอย่างเต็มที่ เพื่อกลับมาลงสนามเล่นฟุตบอลอีกครั้งกับสโมสร ฟอร์ต เลาเดอร์เดล สไตรเกอร์ส Fort Lauderdale Strikers ในศึกนอร์ธ อเมริกัน ซอคเกอร์ ลีก ซึ่งเป็นลีกระดับดิวิชั่น 2 ของลีกลูกหนังสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ โรนัลโด้ ผ่านการค้าแข้งกับสโมสรดังๆมากมาย เช่น บาร์เซโลนา, รีลมาดริด, อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน โดยลงเล่นฟุตบอลอาชีพกับ โครินเธียนส์ เป็นสโมสรสุดท้าย ในปี 2011 ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ด เนื่องจากสภาพร่างกายไม่ไหว แล้วก็กลับมาเล่นอีกครั้งในปี 2015

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ชาลส์ โจเซฟ จอห์น "โจ" ฮาร์ต (อังกฤษ: Charles Joseph John "Joe" Hart) เกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1987 เป็นนักฟุตบอล ตำแหน่งผู้รักษาประตูชาวอังกฤษ เล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี และฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้เขาเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษอายุไม่เกิน 21 ปี

เขาถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูหนุ่มที่ดีที่สุดในโลก ขณะที่เขาได้รับการชื่นชมจาก ผู้รักษาประตูชุดชนะ      เลิศฟุตบอลโลกอย่าง กอร์ดอน แบงส์ จันลุยจี บุฟฟอน และอีเกร์ กาซียัส

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ronaldo

ประวัติส่วนตัว

คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายชูเซ ดีนิช อาไวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมาเรีย ดูโลริช อาไวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์ ทวดฝ่ายมารดาของเขา อีซาเบล ดา ปีดาดี มีพื้นเพมาจากประเทศเคปเวิร์ด
ที่มาของชื่อโรนัลโดนั้น บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของ นายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของโรนัลโดชื่นชอบตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่
ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ย่านกิงตาดูฟาลเซา เขตซังตูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของ ทีม Andorinha โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีม Nacional โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล



      กริชเตียนู รูนัลดู ดูช ซังตูช อาไวรู (โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiro) (เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985) หรือรู้จักกันในชื่อ คริสเตียโน โรนัลโด (โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo) เป็นนักฟุตบอล ชาวโปรตุเกส ปัจจุบันสังกัดอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ใน ลาลีกา เล่นในตำแหน่ง กองหน้า และเป็นกัปตันทีม ของ ฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกสคนปัจจุบัน โรนัลโดเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลหลังย้ายจาก แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มาอยู่กับ เรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์, โรนัลโดได้รับค่าจ้างในการลงเล่นให้กับ เรอัลมาดริด จำนวน 12 ล้านปอนด์ต่อปี ทำให้เขาเป็นักเตะที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก.
โรนัลโดได้ลงเล่นฟุตบอลในนามทีมเยาวชนของ อันดูรินญา เมื่อเขาเล่นได้อยู่สองปี, ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ นาซีอองนาล.ในปี 1997 เขาได้เซ็นสัญญาให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง สปอร์ติงลิสบอน. โรนัลโดได้ถูกพิจรณาย้ายตัวไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยคนที่ซื้อเขาคือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซื้อตัวเขามาด้วยจำนวนเงิน 12.24 ล้านปอนด์ ในปี 2003, โรนัลโดได้แชมป์ เอฟเอคัพ ซึ่งเป็นเกียรติประวัติแชมป์แรกของเขาในปี 2003.
โรนัลโดลงเล่นในเกมส์ของ ฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกส ในระดับชาตินัดแรกคือตอนเจอกับ คาซัคสถาน ในเดือนสิงหาคม 2003.และหลังจากนั้นเขาได้ลงเล่นมากขึ้นรวมทั้งหมดถึงห้าทัวร์นาเมนต์; ยูโร 2004, ฟุตบอลโลก 2006, ยูโร 2008. ฟุตบอลโลก 2010 และ ยูโร 2012 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติโปรตุเกสได้ในการแข่งขันยูโร 2004 ในนัดเปิดการแข่งขันที่เจอกับ กรีซ เขาเป็นคนสำคัญในการนำทีมชาติโปรตุเกสเข้าไปชิงชนะเลิศในปี 2004.และหลังจากนั้นโรนัลโดได้มีบทบาทและได้ลงตำแหน่งตัวจริงมากขึ้น. ในปี 2008 โรนัลโดได้เป็นกัปตันทีมครั้งแรกของทีมชาติโปรตุเกสได้นำทีมเข้าแข่งขัน ยูโร 2008 สามารถเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ เขาสามารถยิงได้สามประตูในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้. ในวันที่ 16 ตุลาคม 2012 โรนัลโดได้ลงเล่นครบ 100 นัดสำหรับทีมชาติโปรตุเกสในนัดที่เจอกับ ไอร์แลนด์เหนือ ทำให้เข้าเป็นหนึ่งในสามนักเตะที่ลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสเกิน 100 นัด ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของเขาได้มีคนติดตามถึง 50 ล้านคน.
ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน่ โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1[ในปี 2012 โรนัลโดได้รับรางวัลนักกีฬาอิเบโร่-อเมริกัน ประจำปี 2012 ประเภทนักฟุตบอลชาย