เมา

Red Bobblehead Bunny
ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของ ธนาคาร คงไฝ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

ประวัติ
ธีรศิลป์ แดงดา เกิดที่กรุงเทพมหานคร มีบิดาชื่อ พ.อ.อ.ประสิทธิ์ แดงดา กับมารดาชื่อกาญจนา ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ และธีรศิลป์มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อธนีกาญจน์ แดงดา ซึ่งเป็นนักกีฬาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ทั้งนี้ ธีรศิลป์สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี โดยเขาได้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลเยาวชนของโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีด้วย ซึ่งได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมรุ่นและผู้ฝึกสอนของโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรีว่าเป็นนักฟุตบอลที่เก่งและสามารถเคลื่อนไหวไปกับลูกบอลได้อย่างรวดเร็ว

ฟุตบอลสโมสร
ทหารอากาศกับราชประชา[แก้]
ธีรศิลป์เริ่มเล่นฟุตบอลกับทหารอากาศ ใน ไทยลีกดิวิชั่น 1 เมื่อปี 2548 ในช่วงวัยแค่ 17 ปี ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยได้โอกาสลงเล่นมากเท่าไร แต่ก็สามารถทำประตูได้ 3 ประตูจากการลงเล่นแค่ 6 นัด ซึ่งในขณะนั้นยังเล่นในตำแหน่ง กองกลางตัวรุก แล้วได้ย้ายไปราชประชา เอฟซีในปี 2549 โดยธีรศิลป์ได้ลงเล่นในตำแหน่ง กองหน้า มากขึ้น โดยสามารถทำประตูได้ถึง 9 ประตู จากการลงเล่น 18 นัด และจ่ายให้เพื่อนทำประตูถึง 5 ครั้ง

เมืองทองยูไนเต็ด (ครั้งที่ 1)
จากนั้นช่วงครึ่งฤดูกาล (เลก 2) ธีรศิลป์ได้ย้ายลงมาเล่นให้สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ดในไทยลีกดิวิชั่น 2 ปี พ.ศ. 2550และเป็นนักฟุตบอลที่มีส่วนในการนำเมืองทองเป็นแชมป์ไทยลีกดิวิชั่น 2 ซึ่งผู้จัดการทีมของเมืองทองในขณะนั้นคือ โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ได้กล่าวเอ่ยชมว่า "ธีรศิลป์เริ่มมีทักษะและการเล่นที่ดีมากขึ้นจนมีหลายทีมทั้งในประเทศและนอกประเทศสนใจอยากได้ธีรศิลป์ได้ร่วมทีม ซึ่งตัวผมและสตาฟโค้ชทุกคนยังเชื่อมั่นได้เลยว่าเด็กคนนี้มีอนาคตที่สดใสแน่นอน" ซึ่งในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ได้ลงเล่น 15 นัด ทำประตูได้ 7 ประตู จ่ายให้เพื่อนทำประตูได้ 2 ครั้ง

แมนเชสเตอร์ซิตี
ต่อมาธีรศิลป์ก็ได้เป็นหนึ่งในสามนักฟุตบอลของไทยที่ได้ไปทดสอบฝีเท้าที่สโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี จนกระทั่งสเวน-เยอราน เอริกซอน ผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ซิตีในขณะนั้นได้มาเซ็นสัญญาซื้อตัวจากสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านบาท[2] หลังเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ซิตี ธีรศิลป์ก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตทำงานในอังกฤษโดยกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษไม่ออกใบอนุญาตให้ จึงไม่สามารถลงเล่นให้ต้นสังกัดได้ แมนเชสเตอร์ซิตีจึงส่งตัวไปให้ทีมกราสฮอปเปอร์คลับซูริก (สโมสรในสวิสซูเปอร์ลีกลีกฟุตบอลในสวิตเซอร์แลนด์) ยืมตัวไปในปี พ.ศ. 2551 เพื่อแก้ปัญหานักเตะไม่ได้ลงเล่น

กราสฮอปเปอร์คลับซูริก
ธีรศิลป์ได้ย้ายมาอยู่กราสฮอปเปอร์คลับซูริก สโมสรฟุตบอลจากเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็ไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาอยู่ในทีมชุดแรกของกราสฮอปเปอร์คลับซูริกได้ จึงได้แต่เล่นอยู่กับทีมชุดเยาวชนของทีม ซึ่งได้ลงเล่นแค่ 6 นัด และทำให้มีกระแสข่าวการย้ายกลับมาเล่นในประเทศไทยอีกครั้ง

ราชประชา (ครั้งที่ 2)
ในปลายปี พ.ศ. 2551 ธีรศิลป์ได้เดินทางกลับมาเล่นฟุตบอลในประเทศไทยโดยลงเล่นในดิวิชั่น 2 ให้สโมสรราชประชาอดีตต้นสังกัดเก่าด้วยสัญญายืมตัว 5 นัด และช่วยให้สโมสรรอดจากการตกชั้นได้สำเร็จ ก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาจากแมนเชสเตอร์ซิตี สโมสรต้นสังกัดที่แท้จริงในเวลาต่อมา [3]

เมืองทอง ยูไนเต็ด (ครั้งที่ 2)
ฤดูกาล 2552[แก้]
ในปี พ.ศ. 2552 ธีรศิลป์ได้กลับมาเซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ในขณะนั้น โค้ชแต๊ก อรรถพล บุษปาคม เป็นผู้ฝึกสอน โดยย้ายแบบไม่มีค่าตัว หลังจากเคยเล่นให้สโมสรนี้มาแล้วในระดับดิวิชั่น 2 และลงสนามในไทยพรีเมียร์ลีกเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2552 ในเกมส์ที่เปิดบ้านชนะการท่าเรือไทย 3-0 ซึ่งเขาเป็นคนยิงประตูแรกให้ทีมขึ้นนำ และนัดนี้ถือเป็นการลงเล่นในลีกสูงสุดของไทยเป็นครั้งแรกของเจ้าตัวด้วยซึ่งเขาสามารถนำสโมสรคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก เป็นสมัยแรกของสโมสร ซึ่งนอกจากธีรศิลป์แล้วยังมีนักเตะที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการช่วยสโมสรคว้าแชมป์คือ ดักโน เซียกา ซึ่งเป็นดาวยิงสูงสุดของสโมสรในฤดูกาลนั้นที่ทำไป 10 ประตู, ซูมาโฮโร ยายา,สุริยา ดอมไธสง และในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ยิงได้ 7 ประตู

ฤดูกาล 2553
ในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงมากขึ้นถึงแม้จะติดเกมส์ของทีมชาติและมีอาการบาดเจ็บทั้งเกมส์ในลีก,ทีมชาติ และเกมส์ชิงแชมป์สโมสรเอเชียอย่าง เอเอฟซีคัพ แต่เขาก็ยังเป็นกำลังหลักสำคัญของสโมสรในการคว้าแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของสโมสรเทียบเท่า บีอีซี เทโรศาสน ธนาคารกรุงไทย และ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด นอกจากนั้นเขายังยิงได้ในรายการ เอเอฟซีคัพ รอบสิบหกทีมสุดท้ายสุดท้ายที่สโมสรเจอกับ อัล รายยัน สโมสรฟุตบอลจากประเทศกาตาร์ แต่ก็ต้องตกรอบในรอบแปดทีมสุดท้ายในนัดทีเจอกับ อัล อิตติฮัด จากซีเรีย ไปด้วยสกอร์ 2-1

ฤดูกาล 2554
เมื่อหลังจบศึกการเล่น ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือกในโซนเอเชีย ให้กับทีมชาติไทย ธีรศิลป์ได้กลับมาช่วยต้นสังกัดอีกครั้ง ซึ่งในฤดูกาลนี้สโมสรเมืองทองได้สร้างความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลไทยอีกครั้งด้วยการซื้อ ร็อบบี ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าตัวเก่งของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และ คริสเตียน ควาคู มาช่วยธีรศิลป์ในการเพิ่มเกมส์รุกให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์นำทีมไปเล่นในรายการ เอเอฟซีคัพ (ซึ่งตกรอบมาจาก เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2554 รอบคัดเลือก) โดยเมืองทองอยู่กลุ่มเดียวกับ สโมสรฟุตบอลทัมปิเนสโรเวอร์,ฮานอย ทีแอนด์ที และ วีบี สปอร์ต คลับ.ซึ่งธีรศิลป์ได้ยิงประตูในรอบแบ่งกลุ่ม 2 ลูก ในนัดที่เมืองทองเปิดบ้านเอาชนะ ฮานอย ทีแอนด์ที ไป 4-0 (ยิง 2 ประตูเดียวในนัดนี้) และเมืองทองก็เป็นแชมป์กลุ่มแล้วทะลุมาในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับ อัล อะห์เอ็ด ซึ่งธีรศิลปืก็ยิงประตูได้ในนัดนี้ แต่ก็ต้องตกรอบในรอบ 8 ทีมสุดท้ายในนัดที่เจอกับ คูเวต เอสซี ซึ่งแพ้ไป 1-0 และใน ไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งในฤดูกาลนี้ธีรศิลป์ยิงได้ 13 ประตู และทำแฮตทริกได้ 1 ครั้งในนัดที่พบกับบางกองกล๊าสที่เมืองทองชนะด้วยสกอร์ 6-2

ฤดูกาล 2555
ก่อนที่ ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 จะเปิดฤดูกาลสโมสรเมืองทองได้ซื้อนักเตะโควตาต่างชาติเข้ามาช่วยธีรศิลป์ในการทำเกมส์รุกในแดนกองหน้า หลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จอย่างที่ควร โดยซื้อนักเตะอย่าง มารีโอ ยูโรฟสกี, อัดนัน บาราคัท, เปาโล เรนเกิล.ประตูแรกที่ธีรศิลป์ยิงได้ในไทยลีกนัดแรกคือเกมส์ที่เมืองทองเปิดบ้านเอาชนะ สโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย ไป 5-1 ธีรศิลป์ยังทำแฮตทริกได้ในนัดที่เมืองทองบุกไปเอาชนะบีบีซียูเอฟซี ได้ 1-8 ส่วนใน ไทยคม เอฟเอคัพ 2555 รอบก่อนรองชนะเลิศที่เมืองทองเจอกับอาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งธีรศิลป์ก็ยิงไป 1 ประตู แต่ก็แพ้ด้วยสกอร์ 3-2 และใน โตโยต้า ลีกคัพ 2555 ธีรสิลป์จะยิงประตูไม่ได้แต่ก็ช่วยจ่ายให้เพื่อนทำประตู 2 ครั้ง และเมื่อจบการแข่งขัน ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 เมืองทองยูไนเต็ดเป็นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก สมัยที่ 3 ซึ่งสามารถสร้างสถิติไม่แพ้สโมสรใดในฤดูกาลนี้ในไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งธีรศิลป์ก็ได้รับรางวัลดาวซัลโวร่วมกับ คลีตัน โอลิเวียรา ซิลวา นักฟุตบอลชาวบราซิลของบีอีซี เทโรศาสน ด้วยการทำประตูไป 24 ประตู และยังได้รับรางวัล กองหน้ายอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ. 2555 ของไทยพรีเมียร์ลีก เป็นสมัยแรกของเจ้าตัว

หลังจากจบฤดูกาล 2555
หลังจบศึก ไทยพรีเมียร์ลีก 2555 ไปประมาณ 1 เดือน ธีรศิลป์ได้กลับไปอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ร่วมกับครอบครัว ซึ่งในช่วงนั้นมีข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายตัวของธีรศิลป์มากมายทั้งจะย้ายไปอยู่ในลีกฟุตบอลเกาหลี,ออสเตรเลีย และ สโมสรฟุตบอลเคตาเฟ จาก ลาลีกาสเปน ได้ยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 10 ล้านบาทมาให้สโมสรเมืองทองแต่ก็ได้รับการปฏิเสธไป แต่ก็มีข่าวทีทำให้แฟนบอลชาวไทยดีใจกันทั้งประเทศคือ สโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด สโมสรฟุตบอลจากลาลีกาสเปน ซึ่งเป็นสโมสรพันธมิตรกับเมืองทองได้เสนอเชิญธีรศิลป์เข้าไปร่วมทดสอบการเล่นกับสโมสรอัตเลตีโกมาดริดเป็นเวลา 1 เดือน ที่ ประเทศสเปนและพร้อมจัดที่พักกับรถรับส่งเป็นอย่างดี ซึ่งทั้งทางธีรศิลป์และสโมสรเมืองทองได้ตอบตกลงกับทางอัตเลตีโกมาดริดและมีกำหนดการไปร่วมฝึกซ้อม ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556 และหลังจากนั้นธีรศิลป์ได้ถูกเรียกในนาม ฟุตบอลทีมชาติไทย ไปแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ที่ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพร่วม

ฤดูกาล 2556
อัตเลตีโกมาดริด (ไปทดสอบการเล่น)[แก้]
ในฤดูกาล 2556 ธีรศิลป์เดินทางไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด ที่ประเทศสเปน พร้อมกับผู้ฝึกสอน อุทัย บุญเหมาะ ที่บินไปอบรมผู้ฝึกสอน และนักเตะเยาวชนของ สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อีก 9 ราย อย่าง กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์, เสกสิทธิ์ ศรีใส, ตามีซี หะยียูโซะ, กิตติศักดิ์ โฮชิน, ณัฐพล เปี่ยมพลาย, นนทวัฒน์ กลิ่นจำปาศรี, วีระวัฒน์ เกิดปั้น, พิชา อุทรา, พิพรรธพล ทับไทร ก็เดินทางไปเพาะบ่มฝีเท้ากับเจ้ามุ้ยด้วยเช่นเดียวกัน โดยเดินทางไปจากสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2556 [4] และทั้งหมดนี้ได้เดินทางถึงประเทศสเปนเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา ท่ามกลางการต้อนรับถึงสนามบินที่สเปนของตัวแทนสโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด[5] และธีรศิลป์ก็ได้ลงซ้อมประเดิมทดสอบฝีเท้ากับทีมสำรองชุดเบและชุดเซกับสโมสรอัตเลตีโกมาดริดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา [6] โดยมีอาวุธ จิวรากรานนท์ (เจมส์ ลาลีกา) และ โฆษิต นิมมานวัฒนา (เต๊ะ เอลนินโญ่) สองผู้สื่อข่าวจากสยามสปอร์ตประจำประเทศสเปนได้ร่วมเกาะติดและเก็บภาพบรรยากาศออกอากาศผ่านทางช่องสตาร์ซอคเกอร์ทีวี โดยได้ไปซ้อมกับนักเตะชื่อดังของสโมสรอัตเลตีโกมาดริด อาทิเช่น ราดาเมล ฟัลกาโอ, อาร์ดา ตูราน, เดียโก โกดิน ซึ่งมีผู้ฝึกสอนชุดใหญ่ของสโมสรอย่าง เดียโก ซีเมโอเน เป็นผู้ดูแลและคอยให้คำแนะนำและแท็กติกให้กับธีรศิลป์อยู่เสมอ

เมืองทอง ยูไนเต็ด

ธีรศิลป์ลงเล่นให้เมืองทองยูไนเต็ดในปี พ.ศ. 2556
หลังจากกลับมาจากประเทศสเปน ธีรศิลป์ได้ลงเล่นให้กับเมืองทองยูไนเต็ดนัดแรกอย่างเป็นทางการของฤดูกาล 2556 โดยเป็นการแข่งขันในรายการ ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ถ้วย ก ด้วยการพบกับทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งผลออกมาเมืองทองแพ้ไป 2-0 แล้วต่อมาใน เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 ในนัดเปิดสนาม เอสซีจี สเตเดียม พบกับ ชอนบุกฮุนไดมอเตอร์ สโมสรฟุตบอลจากเคลีกของประเทศเกาหลีใต้ โดยผลคือเสมอกันไป 2-2.ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก นัดแรกของฤดูกาล 2556 เมืองทองยูไนเต็ดพบกับสโมสรฟุตบอลทหารบก (อาร์มี่ ยูไนเต็ด) ซึ่งธีรศิลป์ยิงลูกแรกให้เมืองทองขึ้นนำ ก่อนที่ผลจะจบออกมาด้วยสกอร์ 2-1

อัลเมรีอา
ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 สโมสรอูเด อัลเมรีอา ในลาลีกาของสเปน ได้ยืมตัวธีรศิลป์ไปเล่นในฤดูกาล 2557-2558 เป็นเวลา 1 ฤดูกาล ภายใต้การคุมทีมของฟรันซิสโก คาเบียร์ โรดรีเกซ บิลเชซ กุนซือชาวสเปน พร้อมเงื่อนไขในการซื้อขาดหากทำผลงานได้ดี โดยธีรศิลป์จะได้สวมเสื้อหมายเลข 18 ลงเล่นให้กับอัลเมรีอา ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสโมสรที่สภาว่าการเมืองอัลเมรีอา แคว้นอันดาลูซีอา ประเทศสเปน[7]

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ธีรศิลป์สร้างประวัติศาสตร์โดยการเป็นนักเตะชาวไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นในลาลีกา เมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนเฟร์นันโด โซเรียโน มาร์โกในเกมลาลีกาที่อัลเมรีอาเปิดบ้านเสมออัสปัญญอล 1-1 ที่เอสตาดีโอเดโลสคูเอโกสเมดีเตร์ราเนโอส

ในลาลีกา ธีรศิลป์ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นมากนัก โดยต้องตกเป็นตัวสำรองของโตเมร์ เฮเมด กองหน้าทีมชาติอิสราเอล และมักจะถูกส่งลงมาเล่นในช่วงท้ายเกม

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ธีรศิลป์ถูกส่งลงสนามในฐานะตัวจริงเป็นนัดแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยโกปาเดลเรย์ รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก โดยอัลเมรีอาต้องออกไปเยือนเรอัลเบติสที่สนามเบนีโต บียามาริน ซึ่งเกมส์นี้ถือเป็นดาร์บีแมตช์ของแคว้นอันดาลูซีอาอีกด้วย

การลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกของธีรศิลป์ เขาสามารถยิงประตูแรกให้ต้นสังกัดได้สำเร็จ เมื่ออีบัน ซานเชซจ่ายบอลมาให้เขาหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตูผ่านดานี คีเมเนซ ผู้รักษาประตูของเรอัลเบติส เข้าไปให้ทีมบุกมานำ 0 - 2 ก่อนจะจบลงด้วยชัยชนะ 3 - 4

ในต้นปี พ.ศ. 2558 ธีรศิลป์ได้ยกเลิกสัญญากับอัลเมรีอา ทำให้ไม่ครบระยะเวลาสัญญา 1 ปี โดยจะกลับไปเล่นให้กับเมืองทอง ยูไนเต็ด ต้นสังกัดเดิมต่อไป โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถปรับตัวได้ โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารหรือเรื่องภาษา ทำให้ธีรศิลป์ลงเล่นในลาลีกา 6 นัด ยิงไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว และในรายการโกปาเดลเรย์ ได้ลง 4 นัด ยิงได้ 1 ประตู 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น